Sunday 30 October 2016

เมล็ดเจีย (เมล็ดเชีย) Chia Seed ธัญพืชที่มากไปด้วยคุณประโยชน์หลายประการ


เมล็ดเจีย (เมล็ดเชีย) คืออะไร และมีแหล่งต้นกำเนิดมาจากไหนนะ



Chia seed, เมล็ดเจีย, ประโยชน์ของเมล็ดเจีย,


เมล็ดเจียเป็นเมล็ดของพืชในตระกูลเดียวกับกะเพราและแมงลักหรือสะระแหน่ ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มเครื่องเทศ

ต้นเจียหรือต้นเชีย Chia มีชื่อทางพฤกษศาสตร์ว่า Salvia Hispanica L. มีลักษณะลำต้นสูงประมาณ 4-6 ฟุต เป็นพืชที่ให้เมล็ดเล็กๆคล้ายเมล็ดแมงลัก เมล็ดจะมีสองสีคือสีดำและสีขาว เปลือกนอกเมล็ดเมื่อโดนน้ำหรือความชื้นจะสามารถพองตัวได้เหมือนเม็ดแมงลักของเราเลย

เจีย หรือ เชีย ถือว่าเป็นพืชเศรษฐกิจที่นิยมปลูกกันมากในทวีปอเมริกา ซึ่งได้แก่ ประเทศเม็กซิโก โบลิเวีย เอกวาดอร์ สหรัฐอเมริกา กัวเตมาลา และในประเทศอาร์เจนตินา เจียจะเจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่ที่มีอากาศหนาวเย็น และยังปลูกและเติบโตได้ในประเทศออสเตรเลียอีกด้วย

ในประเทศไทยตอนนี้ เมล็ดเจียกำลังโด่งดังอย่างมากเช่นกัน ไทยได้มีการเพาะพันธุ์เมล็ดเจียในหลายจังหวัด พบมากที่ลำปาง กาญจนบุรี เป็นต้น

หลักฐานทางโบราณคดีค้นพบว่า เมล็ดเจียเป็นพืชที่มีอายุยาวนานกว่า 3,500 ปีก่อนคริสตกาล ตั้งแต่สมัยอาณาจักรมายันและอาณาจักรแอซแท็กในทวีปอเมริกา เจีย ซึ่งมีความหมายว่า ความแข็งแรง ชาวแอซเท็กและชาวมายันนิยมนำมาบริโภคเป็นอาหารหลักเหมือนเช่นกับธัญพืชอื่นๆ เช่นพวกตระกูลถั่ว ข้าวโพด พวกเขาจะนำเอาเมล็ดเจียมาบดรวมกับแป้งและคั้นเป็นน้ำมันออกมาเพื่อใช้ดื่ม หรือเอาไว้ใช้ในการปรุงอาหาร ซึ่งพวกเขามีความเชื่อว่า เมล็ดเจียมีสรรพคุณในทางยาที่ช่วยบำรุงร่างกายให้มีความแข็งแรงขึ้น

ในยุคต่อมา คือยุคที่มีการล่าอาณานิคมของสเปน ทางฝั่งอเมริกาได้พ่ายแพ้และได้ตกเป็นเมืองขึ้นของสเปน ผู้นำสเปนในยุคนั้นได้ประกาศว่า ห้ามมีการเพาะพันธุ์เมล็ดเจียอีก เมล็ดเจียจึงกลายเป็นอาหารต้องห้ามในที่สุด ซึ่งได้ทำให้เมล็ดเจียค่อยๆสูญพันธุ์ จนกระทั่งเข้าสู่ยุคของอเมริกาสมัยใหม่ นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบเจอเมล็ดพันธุ์เจีย ทำให้มีการค้นคว้าและวิจัยและได้ทราบถึงคุณประโยชน์อันมากมายนานับประการของพืชชนิดนี้ และได้มีการปลูก รวมถึงขยายสายพันธุ์ต่อมา จนกระทั่งกลายมาเป็นเมล็ดเจียหรือเมล็ดเชีย Chia seed ที่เรารู้จักจวบจนถึงทุกวันนี้


ในประเทศไทยเราสามารถทานเมล็ดแมงลักแทนเมล็ดเจียได้ ถ้าอยากให้ช่วยในเรื่องของการลดน้ำหนัก เพราะราคาถูกกว่าและหาได้ง่ายกว่า ซึ่งพอแช่น้ำแล้วก็มีความสามารถพองตัวได้เหมือนกัน แต่กระนั้นเมล็ดแมงลักก็ยังมีคุณประโยชน์เทียบเท่าเมล็ดเจียได้ยากแบบทิ้งช่วงห่างเลยจ้า 

หลายคนอาจไม่รู้จักเมล็ดเจียแถมมิหนำซ้ำหลายๆคนกลับไปคิดว่าก็คือเมล็ดแมงลักซะนี่ 

อ่ะ.. แล้วเมล็ดเจียแตกต่างจากเมล็ดแมงลักอย่างไร มาไขข้อข้องใจกันเลย

เมล็ดเจีย และ เมล็ดแมงลัก เป็นธัญพืชคนละชนิดกัน ซึ่งก็มีความแตกต่างที่เราสามารถสังเกตและเปรียบเทียบอย่างเห็นได้ชัด เช่น เมล็ดเจียมีลักษณะรีและมีลวดลายเล็กน้อย มีสีน้ำตาลอมเทา ส่วนเมล็ดแมงลักก็จะมีลักษณะรีเช่นกัน แต่จะมีสีดำเข้ม นี่เป็นการเปรียบเทียบง่ายๆก่อนนำไปแช่น้ำ แต่เมื่อแช่น้ำแล้วจะพบว่าเม็ดแมงลักจะพองตัวลักษณะเม็ดมีเมือกมื่อสีขาวขุ่น แต่เมล็ดเจียจะเกิดการพองตัวในลักษณะเมือกใสเลยจ้า



ประโยชน์และคุณค่าทางอาหารของเมล็ดเจียมีมากเหลือเกิน 

กระทรวงเกษตรของสหรัฐอเมริกา United States Department of Agriculture ได้กล่าวว่า เมล็ดเจียเป็นธัญพืชที่มีคุณสมบัติเป็นทั้ง Super Fruit และ Super Seed ซึ่งเต็มไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายของคนเรา ซึ่งได้แก่ มีไฟเบอร์สูงมาก มีโปรตีนและกรดไขมันดีคือมีโอเมก้า-3 และโอเมก้า-6 มีแคลเซียมสูง และมีสารต้านอนุมูลอิสระ เริ่ดอะไรเช่นนี้ ^^



Chia seed, เมล็ดเจีย, ประโยชน์ของเมล็ดเจีย,

และการนำเมล็ดเจียเต็มเมล็ดหรือที่่บดแล้วมาแช่น้ำ หรือใส่ในของเหลว เช่นใส่ในน้ำผลไม้ โยเกิร์ต ในนม เมล็ดเจียจะสามารถพองตัวขึ้นมาได้อีกตั้ง 12 เท่าเชียวนะ การเติมเมล็ดเจียลงไปจะช่วยเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระในเครื่องดื่มนั้นๆได้ แต่ก่อนทานควรให้เมล็ดเจียได้พองตัวเต็มทีเสียก่อน มิฉะนั้นอย่าหาว่าเราไม่เตือนนะ การที่ทานเมล็ดเจียที่พองตัวไม่เต็มที่จะมีผลตรงกันข้าม เช่นแทนที่จะถ่ายคล่อง แต่กลับทำให้ท้องอืดแทนนะสิจ้ะ

มาดูกันว่าในเมล็ดเจีย Chia Seed ปริมาณเพียงแค่ 28 กรัม ให้สารอาหารอะไรบ้าง

- น้ำ 6.61 กรัม 
- โปรตีน 40.32 กรัม
- ไขมัน 11.89 กรัม
- คาร์โบไฮเดรต 35.14 กรัม
- ไฟเบอร์ 34.4 กรัม
- แคลเซียม 150 กรัม
- ธาตุเหล็ก 14.30 กรัม
- แมกนีเซียม 362 กรัม
- ฟอสฟอรัส 810 กรัม
- โพแทสเซียม 425 กรัม
- โซเดียม 41 กรัม
- ซิงก์ 10.70 กรัม 
- โฟเลต 29 ไมโครกรัม 
- วิตามินบี 1 2.5 มิลลิกรัม
- วิตามินบี 2 0.270 มิลลิกรัม 
- วิตามินบี 3 12.6 มิลลิกรัม
- วิตามินบี 6 0.152 มิลลิกรัม 
- วิตามินเอ 3 ไมโครกรัม
- กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน 5.113 กรัม
- กรดไขมันไม่อิ่มตัว 4.405 กรัม
- กรดไขมันอิ่มตัว 1.634 กรัม



ว่าแล้ววันนี้แวะไปซุปเปอร์ก่อนดีกว่า หยิบมาสักถุงสองถุงมาติดไว้ในครัวไว้ทานกับโยเกิร์ตตอนเช้า แบบว่าช่วงนี้รู้สึกอืดๆแฮะ :))))



No comments:

Post a Comment